บทความเขียนโดย
ในการเลือกหุ้นลงทุนระยะยาวที่ทนทานต่อพิษเศรษฐกิจ และข่าวร้ายต่างๆ ที่จะทำให้ราคาหุ้นลดลงมาก อาจจะเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ และความพยายามในการหาข้อมูลมาวิเคราะห์บริษัท นักลงทุนแนว Value Investment หรือ วีไอ ต่างทราบดีว่า หุ้นที่เข้าข่ายในการลงทุนระยะยาว ต้องเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีเยี่ยม
คำว่าดีเยี่ยมในที่นี้คือพิจารณาจากโมเดลธุรกิจ และการทำกำไรของบริษัท ในความคิดของผมเองแล้วการที่เราอ่านศึกษาบริษัทต่างๆ ด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ดี การนำเอาข่าวต่างๆ จากสื่อ หรือแม้แต่คำสัมภาษณ์ของผู้บริหาร ที่กล่าวถึงทิศทางบริษัทในอนาคตก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบสำหรับการวิเคราะห์
ตัวเลขที่ผมมักจะนำเอามาวิเคราะห์หนึ่งในนั้นก็คือ “กำไรสุทธิ” ของบริษัท เนื่องจากเป็นตัวสะท้อนการบริหารจัดการของบริษัทในบรรทัดสุดท้าย ถึงแม้ Story ต่างๆ ที่เราทราบ หรือได้อ่านมาจะดีขนาดไหนก็ตาม หากผู้บริหารไม่สามารถสะท้อนออกมาได้ในงบการเงินเพื่อให้นักลงทุนได้ชื่นชมก็เป็นอันเปล่าประโยชน์
จากประสบการณ์ด้านการลงทุนของผมพบว่า หุ้นบริษัทไหนที่มีกำไรสุทธิมาก หรือ กำไรสุทธิ เติบโตต่อเนื่อง หุ้นตัวนั้นระยะยาวแล้ว ราคามักจะไม่ได้รับผลกระทบมากในสภาวะตลาดแย่ หรือสภาวะตลาดซึมเซา เพราะนักลงทุนต่างก็ต้องการหุ้นตัวนั้น หรือ ต้องการเก็บหุ้นเพิ่ม อาจจะมีเพียงแค่นักลงทุน หรือ เทรดเดอร์ ที่ตกใจกับข่าว หรือ สภาวะตลาดในช่วงสั้นเท่านั้นที่ขายหุ้นออกมา
ดังนั้น ผมจึงชอบที่จะนำเอาตัวเลขกำไรสุทธิมาเรียงดู เพื่อคัดเลือกหุ้นที่ทนทานต่อความเสี่ยงได้มากที่สุด เพื่อลงทุนระยะยาว วันนี้เองผมได้นำเอารายชื่อหุ้นที่มีผลกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปี มาแชร์ให้กับเพื่อนๆ นักลงทุน เพื่อที่ทุกท่านจะสามารถนำเอารายชื่อหุ้นเหล่านี้ไปศึกษาวิเคราะห์สำหรับการลงทุนของท่านต่อไป
อันดับหุ้นที่มีผลกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องตลอด 5 ปี
จากกราฟข้างต้นผมได้นำเอา % การเติบโตของกำไรสุทธิ ของบริษัทจดทะเบียนมาเรียงลำดับ เพื่อดูว่ามีหุ้นตัวไหนบ้างที่เข้าขายที่ผมต้องการหา เราจะพบว่าหุ้นที่มี % รวมผลกำไรเติบโตต่อเนื่องมากที่สุดตามลำดับมีดังนี้
- CPN
- MINT
- THIP
- ILINK
- SABINA
- MAKRO
- ASK
- SVH
- SPC
- PR
- PM
- PB
- HMPRO
- MAJOR
- EASTW
- TISCO
แท่งสีแดงและมีตัวเลขในกราฟคือ % การเติบโตของกำไรสุทธิในปี 58 จะพบว่า MINT ที่ทำธุรกิจทั้งอาหารและโรงแรมมีการเติบโตสูงที่สุดทีเดียว แต่รวม 5 ปี CPN ยังกินขาด
สิ่งที่ผมตั้งข้อสังเกต คือ หุ้นที่มีขนาดใหญ่เท่านั้นจะติดโผ บริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องตลอด 5 ปี ไม่มีบริษัทขนาดเล็ก หรือบริษัทใน MAI ติดมาเลย นั่นสื่อให้เห็นถึงความสามารถด้านการทำกำไรของบริษัทขนาดใหญ่และความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากราคาหุ้นอาจจะไม่ได้สูงหวือหวา แต่มันเหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเอาชนะเงินเฟ้อ รวมถึงผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำ ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นจะสามารถปรับสูงขึ้นได้ต่อเนื่องตามพื้นฐานของบริษัทนั่นเอง
ผมได้นำเอาตัวเลขมาให้นักลงทุนนำไปศึกษา หรือวิเคราะห์ต่อในตารางด้านล่าง
ชื่อหุ้น | Sum of (YE/2558) | Sum of (YE/2557) | Sum of (YE/2556) | Sum of (YE/2555) | Sum of (YE/2554) |
CPN | 7.85 | 16.12 | 1.68 | 200.7 | 82.05 |
MINT | 59.94 | 7.32 | 20.33 | 18.35 | 132.06 |
THIP | 101.13 | 8.27 | 21.79 | 49.54 | 14.29 |
ILINK | 21.3 | 31.22 | 43.26 | 42.06 | 18.41 |
SABINA | 12.68 | 25.41 | 26.78 | 47.17 | 20.61 |
MAKRO | 10.1 | 13.64 | 20.89 | 36.53 | 38.46 |
ASK | 1.43 | 4.69 | 31.24 | 47.3 | 14.32 |
SVH | 5.95 | 27.56 | 0.55 | 30.14 | 30.2 |
SPC | 13.65 | 18.91 | 6.63 | 4.44 | 23.64 |
PR | 3.97 | 17.65 | 6.79 | 10.02 | 29.39 |
PM | 1.13 | 2 | 2.75 | 42.21 | 32.97 |
PB | 25.31 | 10.26 | 10.61 | 3.6 | 33.61 |
HMPRO | 5.6 | 7.98 | 14.52 | 33.62 | 22.4 |
MAJOR | 7.79 | 3.3 | 29.65 | 3.77 | 2.58 |
EASTW | 18.79 | 1.38 | 6.16 | 23.05 | 10.9 |
TISCO | 0.01 | 0.01 | 14.68 | 13.42 | 13.11 |
สรุปคือ หุ้นขนาดใหญ่ มักจะมีความสามารถในการทำกำไรที่สม่ำเสมอ และยั่งยืนในระยะยาว ราคาหุ้นจะไม่ผันผวนมากนัก หากเทียบกับบริษัทที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะในหุ้น MAI ดังนั้น นักลงทุนอาจจะต้องเลือกหุ้นที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง และเหมาะกับความสามารถในการรับความเสี่ยงได้
ในความเห็นผลแล้วหุ้นข้างต้น นักลงทุนสามารถจะซื้อสะสมทุกๆ เดือนแบบ DCA (Dollar Cost Average) เพื่อเก็บออมเงินลงทุนเอาไว้ในหุ้น โดยเป้าหมายในการลงทุนคือตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงจะลดน้อยลงมาก และผลตอบแทนน่าพอใจเลยทีเดียวครับ