บทความเขียนโดย
Technical Analysis หรือ การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่นักลงทุนเอาไว้ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจเพื่อเข้าซื้อ หรือขายหุ้นออกไป โดยเน้นกำไรเป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะไม่สนใจพื้นฐานของบริษัทเลยก็เป็นได้
หัวใจหลักของการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ “การเข้าใจถึงเครื่องมือ” ว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนั้น หรือ ทำไมมันเป็นแบบนี้ เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจ ในการอ่านจิตวิทยา ของนักลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวมว่ากำลังทำอะไรกับหุ้นตัวที่ตนเองสนใจอยู่ บางทีมันอาจจะทำให้นักลงทุนสามารถหยั่งรู้ได้ถึง “การเข้าซื้อ” หรือ “การขายหุ้น” ออกไปในแต่ละช่วงเวลาของนักลงทุนรายใหญ่ หรือ กองทุนต่างๆ หรือแม้แต่นักลงทุนต่างชาติ
จะว่าไปแล้วตัวเลข หรือเครื่องมือ ที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิค นำเอามาประยุกต์ใช้ เห็นจะหนีไม่พ้น ราคาหุ้น และ โวลุ่ม (volume) หรือ ปริมาณการซื้อขาย ว่ามีความสำคัญอย่างไร ทำไมนักลงทุนหลายคนโดยเฉพาะรายใหญ่ๆ ถึงชอบดู Volume นัก หรือ รายใหญ่ส่วนใหญ่มักจะดู Volume เป็นหลักก่อนเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เสียอีก
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
Volume หรือ ปริมาณการซื้อขายหุ้น เป็นตัวบ่งบอกถึงความเข้มข้นของการซื้อและขายหุ้นในวันนั้น ยิ่งปริมาณหุ้นมากๆ ก็ยิ่งทำให้ราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากเช่นกัน ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับทิศทาง หรือแนวโน้มของราคาหุ้นตัวนั้นๆ ด้วย
เมื่อเราทราบว่ายิ่งหุ้นมีปริมาณการซื้อขายมาก มันจึงเป็นสัญญาณให้นักลงทุนได้เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงระยะเวลาอันสั้น จึงมีอินดิเคเตอร์หลายตัวพยายามนำเอา Volume มาประกอบการคำนวณ เพื่อแจ้งเตือนนักลงทุนว่าราคาหุ้นอาจจะกำลังขึ้น หรือ กำลังจะลง นั่นเอง
ลูกศิษย์ผมท่านหนึ่งถามว่า “Break 5-Day Average Volume” หมายถึงอะไร?
ผมต้องแบ่งทำความเข้าใจคำศัพท์แต่ละคำดังนี้
- Break ในที่นี้แปลว่า “ทะลุ” หรือ “มากกว่า” หรือ “เกินกว่า”
- 5-Day Average Volume หมายถึง ปริมาณการซื้อขายหุ้น โดยเฉลี่ย 5 วันที่ผ่านมา
เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันก็สามารถแปลได้ตรงตัวว่า “หุ้นที่มีปริมาณการซื้อขาย มากกว่า ค่าเฉลี่ยการซื้อขายหุ้นรวม 5 วันที่ผ่านมา”
เครื่องมือทางเทคนิคหลายตัวอาจจะเขียนว่า COM7 Break 5-Day Average Volume หมายถึง ปริมาณการซื้อขายหุ้นวันนี้ มากกว่า ปริมาณการซื้อขายหุ้นโดยเฉลี่ยของหุ้น Com7 ในรอบ 5 วันที่ผ่านมานั่นเอง เป็นไปได้ว่าหุ้นตัวนี้อาจจะกำลังขึ้น หรือ กำลังลง ขึ้นอยู่กับแนวโน้มของราคา แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาหุ้นอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน
เครื่องมือทางเทคนิคหลายตัว หรืออินดิเคเตอร์ จะบอกสัญญาณการซื้อขาย แต่มักจะถูกนำมายืนยันด้วยการเพิ่มขึ้นของโวลุ่ม หรือปริมาณการซื้อขาย อีกครั้งเพื่อความแม่นยำในการวิเคราะห์มากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้น หากเราเข้าใจ รากศัพท์ และที่มาที่ไปของเครื่องมือทางเทคนิค มันก็ทำให้นักลงทุนสามารถนำข้อมูลที่ได้รับเหล่านี้ไปประกอบการตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยตนเอง อย่างไม่ยากเย็นครับ
+ หลักสูตรเทคนิค แบบกลุ่ม (Group) Click
+ หลักสูตร Value Investment (VI) แบบกลุ่ม (Group) Click
+ หลักสูตร Value Investment (VI) และ เทคนิค แบบตัวต่อตัว (Private) Click
+ หลักสูตรมือใหม่เล่นหุ้น Click