UIC..วาดฝันขึ้นชั้น Growth Stock!!
“ผมไม่อยากให้คนมองที่ชื่อของผม อยากให้จำชื่อบริษัท ดูที่ผลงานโดยรวมของบริษัท เพราะทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยองค์กร ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง” พีรเจต สุวรรณนภา ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ยูเนี่ยน อินทราโก้ (UIC) กล่าวกับ eFinanceThai.com …และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง กับเป้าหมายในการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หลังเตรียมการอยู่นานเป็นปี ซึ่ง “พีรเจต” จะเป็นผู้ขับเคลื่อน UIC ให้ถึงฝั่งฝันทั้งในแง่ของรายได้และบรรทัดสุดท้ายคือ “กำไร” ที่จะตอบแทนกลับไปยังผู้ถือหุ้นแฟนพันธุ์แท้..ที่ยังคงรักและเหนียวแน่นกับบริษัทมายาวนาน
ทีมงาน eFinanceThai.com มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้บริหารหนุ่มรายนี้ ลองมาสัมผัสกับแนวคิดและความรู้สึกที่จับต้องได้ของ UIC …เพราะอย่างน้อยจะทำให้นักลงทุนสนิทชิดเชื้อกับบริษัทมากขึ้นอีกระดับ ก่อนที่หุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai อย่างเป็นทางการ 3 มิถุนายนนี้
***** เล่าถึงความเป็นมาของ UIC
UIC ก่อตั้งมา 12 ปีแล้ว เราประกอบธุรกิจนำเข้า พัฒนา และจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษในกลุ่มแอลกอฮอล์และสารทำละลายเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม จุดเริ่มต้นมาจากบริษัทยูเนี่ยน ปิโตร เคมิคอล หรือ UKEM (“พีรเจต” เคยเป็นผู้บริหารที่นี่) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ประเภทสารทำละลายสี (Solvents) มีทั้งเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและสารทำละลายทั่วไป เราจึงมีความคิดอยากทำเคมีภัณฑ์ตัวอื่นที่ไม่ใช่ Solvents จึงตั้งขึ้นมาอีก 1 บริษัทคือ UIC
ตอนที่ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ๆ นั้นยังจับทิศทางไม่ถูก ก็ล้มลุกคลุกคลานมามาก ใช้เวลา 4 – 5 ปีถึงเริ่มจับทิศทางได้ พบว่ามีสารตัวหนึ่งที่บริษัทผลิตเครื่องสำอางใช้เป็นส่วนผสมนั่นคือ สารไทเทเนียมไดออกไซด์ ซึ่งเราเพิ่งจะได้มาเมื่อเดือนเมษายนปี 2553 (เป็นตัวแทนจำหน่าย) แต่ก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับลูกค้าอีกใช้เวลาประมาณ 6 – 7 เดือนถึงเริ่มเข้าใจลูกค้าและขายได้
ซึ่งคู่แข่งในตลาดปัจจุบันมี 4 รายใหญ่ๆ แต่เป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทเหล่านี้ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เป็นบริษัทมั่นคง ดังนั้น ถือว่าเราเองก็ยังใหม่ในตลาดสารไทเทเนียมไดออกไซด์เหมือนกัน แต่ก็เริ่มจับทางได้แล้ว เพราะลูกค้าที่ได้มาก็อาศัยความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเดิมของ UKEM
***** UIC จะเข้าซื้อขายใน mai วันที่ 3 มิ.ย.นี้ คิดว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร
เอาเป็นว่าไอพีโอราคา 1.92 บาทเป็นราคาที่ไม่แพง เพราะมีส่วนลดถึง 20 – 30% และที่เปิดให้จอง 23 – 25 พฤษภาคมที่ผ่านมามีหลายคนที่ไม่ได้แล้วโทรมาต่อว่า ได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีบางคนอยู่กับเรามานานก็อยากได้หุ้นมาก โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นเดิมของ UKEM ที่ได้สิทธิ์ระหว่างวันที่ 18 – 20 พ.ค. ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าวันแรกของการซื้อขายราคาหุ้นไม่น่าจะต่ำกว่าราคาจองแน่นอน ถ้าไม่ใช่ว่าวันนั้นบรรยากาศการลงทุนไม่ดีจริงๆ ซึ่งเราเองมองว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและอุตสาหกรรมการก่อสร้างปีนี้ยังไปได้ดี ดังนั้น สินค้าก็ต้องขายได้ เพราะทั้ง 2 อุตสาหกรรมใช้สารเคมีของเรา โดยเฉพาะตัวไทเทเนียมไดออกไซด์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเป็นส่วนประกอบของสีที่ใช้ทาบ้าน
***** แนวโน้มผลประกอบการปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าดูจากไตรมาสแรกจะเห็นว่ากำไรของเราปรับตัวขึ้นมาดีมาก ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดี นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป และเชื่อว่าทิศทางในปีนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ และที่สำคัญแต่ละปีจะเห็นว่าการเติบโตของรายได้อยู่ที่ประมาณ 30% และเราก็เชื่อว่าหลังเข้าตลาดการเติบโตของรายได้มีโอกาสมากกว่า 30%
***** จุดแข็งของ UIC คืออะไร
“ยืดหยุ่น” ในทุกด้าน เช่น เราขายสารเคมีหลายตัว บางช่วงสารเคมีตัวไหนความต้องการต่ำ เราก็หันมาเพิ่มยอดขายในสารเคมีประเภทอื่นที่เราขายอยู่และมีความต้องการสูง ขณะเดียวกันเราก็มองหาสารเคมีตัวอื่นที่จะนำมาขายให้ภาคอุตสาหกรรมได้ นอกเหนือจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว เราไม่อยากให้คนเห็นภาพเราว่าขายสารเคมีตัวใดตัวหนึ่ง เราทำไปเรื่อยๆ บริหารแบบยืดหยุ่น
***** ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนอะไรบ้าง
อายุตอนนี้ 39 ปีไม่ใช่เด็กแล้ว เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว โดยปกติของการทำธุรกิจถ้าผู้บริหารเป็นผู้ใหญ่จะค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไปในการทำธุรกิจ แต่ถ้าผู้บริหารเด็กจะค่อนข้างแอ็กเกรสซีฟ แต่ก็ต้องระวังด้วย เพราะบางครั้งประสบการณ์อาจจะยังน้อย อย่างผมเองตอนนี้ 39 ปี ผมเชื่อมั่นในประสบการณ์ การมองภาพขององค์กร
แต่ถามว่ายังเดินแบบแอ็กเกรสซีฟเหมือนผู้บริหารเด็กไหม ก็เดินแบบแอ็กเกรสซีฟนะ แต่ต้องระวังมากขึ้น เพราะประสบการณ์ที่ได้มา คือ เราไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้น เราต้องพร้อมอยู่เสมอเมื่อโอกาสมาถึง เราก็ไปได้ทันที หรือเดินได้ทันที เช่น ถ้ามีคนมาจีบเราเราก็โอเคได้เลย เป็นต้น เหมือนหุ้นที่ไม่ต้องไปโปรโมตมาก ต้องพูดในสิ่งที่เป็นความจริง และเป็นไปได้ ไม่ใช่พูดมั่วๆ ไปไม่มีหลักฐานยืนยันหรือความน่าจะเป็นที่มีเหตุผลรองรับ แบบนี้ก็ไม่สมควรจะพูด
***** มีแผนยกระดับ UIC เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือไม่
“ไม่ครับ ไม่มีแนวคิดเลยทั้งเราและ UKEM” เพราะกลัวไดลูชั่น เพราะการเพิ่มทุนต้องมีประโยชน์ต่อบริษัทจริง และเราจะไม่ทำอะไรที่มันกระทบผู้ถือหุ้น เพราะผู้ถือหุ้นหลายคนอยู่กับเรามานาน เราคิดว่าทุนจดทะเบียนตอนนี้ก็ยังเพียงพอ
***** เงินที่ได้จากขายหุ้นไอพีโอเอาไปทำอะไรบ้าง
ได้ประมาณ 100 ล้านบาท เอาไปใช้หมุนเวียนทั้งหมด และปีนี้คงยังไม่มีลงทุนอะไร คงนิ่งๆ ก่อนในช่วงประมาณ 6 เดือนหลังเข้าตลาด
***** ผลงานไตรมาส 2/54 แนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง
โดยปกติไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของอุตสาหกรรมก่อสร้าง แต่เครื่องสำอางยังไปได้ โดยปกติรายได้ไตรมาสนี้จะไม่ค่อยดีมาก แต่จะไปดีในไตรมาสสาม ไตรมาสสี่ ซึ่งสินค้าของ UIC ขายเดือนต่อเดือน สต็อกยาวสุดแค่ 3 เดือน เพราะลูกค้าไม่อยากไปผูกมัดตัวเองไว้นาน ดังนั้น ในธุรกิจเราจะไม่ได้พูดกันถึงงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) แต่จะพูดกันถึงยอดขาย ซึ่งสินค้าหลักๆ ใน UIC จะมีไทเทเนียมไดออกไซด์ 40 เปอร์เซ็นต์ มีสาร Solvents ชนิดพิเศษและสารเติมแต่งคุณภาพ เป็นต้น ในตลาดมีคู่แข่งตอนนี้ 4 บริษัท เป็นบริษัทขนาดใหญ่แต่อยู่นอกตลาด เราก็ต้องต่อสู้พอสมควร แต่ก็ทำของเราไปได้เรื่อยๆ
***** ธุรกิจของ UIC ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่
ธรรมชาติของธุรกิจเราคือนำเข้าและจำหน่าย จะต้องเจอผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอยู่แล้ว ต้องดูกันวันต่อวัน ซึ่งปีที่ผ่านมาเราไม่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพิ่งมีไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุนประมาณ 1 แสนบาทจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
***** อยากให้นักลงทุนมอง UIC ยังไง
เป็นคำถามที่นักข่าวชอบถาม ผมมองว่าเราเป็นหุ้น Growth Stock เติบโตเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงด้วย เพราะอะไรก็ตามที่เร็วจะมีก้าวของความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา เหมือนการเดินกับการวิ่ง ถ้าวิ่งโอกาสล้มก็มีมากกว่าการเดิน ซึ่ง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาเราก็ทำได้ในเชิงของ Growth หลัง 3 ปีค่อยมาว่ากัน หรือไม่แน่เราอาจจะเป็นหุ้นที่เด่นในเรื่องปันผลด้วยก็ได้ เพราะเราก็จ่ายมาทุกปี ล่าสุดปีที่แล้วก็จ่ายไป 8 ล้านบาทให้ UKEM เขาถือหุ้นเรา 100% และที่สำคัญเราจะค่อยเป็นค่อยไป ในแง่ของผลประกอบการคงไม่หวือหวามาก และอยากให้มองที่ผลงานของบริษัทมากกว่าที่จะมามองชื่อของผู้บริหาร ผมไม่อยากให้คนมองที่ชื่อของผม อยากให้จำชื่อบริษัท ดูที่ผลงานโดยรวมของบริษัท เพราะทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยองค์กร ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง
อนึ่ง.. UIC จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 3 มิถุนายนนี้ ถือว่าเป็นบริษัทที่ 2 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ต่อจากบริษัทวินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE ที่เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ลองมาติดตามกันดูว่าราคาหุ้นจะสมราคาคุยหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาน้องใหม่ mai หลายรายล้วนแต่พุ่งกระฉูดแบบไม่เกรงใจใคร ตั้งแต่วันแรกของการเข้าซื้อขาย หวังว่าเราจะได้เห็นบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งในวันที่ 3 มิถุนายนนี้
รายงานโดย : ชัชชญา อังคุลี
eFinanceThai.com