บทความเขียนโดย
เมื่อเช้าเจอข่าวนี้ของปตท. ลูกศิษย์ของผมถามกันเข้ามาหลายคนว่า “แตกพาร์” มันดียังไง แล้วมันเป็นยังไงกันแน่
“ปตท.” แตกพาร์เป็น 1 บาท! โชว์กําไรงามแสนล้าน ปันผลอีกหุ้นละ 12 บาท ขึ้น XD 6 มี.ค.นี้
PTT ทําเซอร์ไพรส์! แตกพาร์เหลือ 1 บาท จาก 10 บาท เพิ่มสภาพคล่องหุ้นทะลัก อัดปันผลครึ่งหลังปี 60 อีกหุ้นละ 12 บาท ขึ้น XD วันที่ 6 มี.ค.นี้ แถมปี 60 โตมโหฬารรอบ 5 ปี โชว์กําไรสุทธิ135,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉียด 43% อานิสงส์ราคาน้ํามันพุ่ง-บริษัทลูกโตถ้วนหน้า
แต่ที่แน่ๆ ข่าวเรื่องการแตกพาร์ ส่งผลให้หุ้นปตท ราคาพุ่งทันที ช่วงเช้าราคาบวกไปเกือบ 7% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นทันที
ประเด็นที่น่าสนใจคือ การแตกพาร์ ว่ามันคืออะไร และมันส่งผลอย่างไรกับหุ้นตัวนั้นบ้าง ผมต้องเริ่มจากการอธิบายเรื่องราคาพาร์ เสียก่อนครับ
สมมุติว่าผมไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า โตโร่ มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ผมต้องไปจดจัดตั้งบริษัท และเลือกว่าจะให้มีราคาพาร์เท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น ผมอยากจะได้ราคาพาร์ 10 บาท ดังนั้น จำนวนหุ้นทั้งหมดของผมจะเท่ากับ 10,000,000 ล้านหุ้น เมื่อคูณจำนวนหุ้นด้วยราคาพาร์จะได้เท่ากับทุนจดทะเบียนพอดี
บริษัท โตโร่
ราคาพาร์ 10 บาท ต่อหุ้น
จำนวนหุ้น 10,000,000 ล้านหุ้น
ทุนจดทะเบียน 10 x 10,000,000 = 100,000,000 บาท
ราคาหุ้นบนกระดานหุ้นซื้อขายกันอยู่ 500 บาทต่อหุ้น
ปกติเราซื้อ หรือ ขาย หุ้น จะต้องซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น ดังนั้น หากนักลงทุนท่านใดอยากซื้อหุ้นของบริษัทผมก็ต้องซื้อขั้นต่ำ 100 x 500 บาท เท่ากับต้องใช้เงินทั้งหมด 500,000 บาท คนที่จะซื้อหุ้นผมได้ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง นักลงทุนรายย่อยอาจจะไม่มีเงินมากขนาดนั้น เพราะ ราคาหุ้นบนกระดานต่อหุ้นค่อนข้างสูง
วิธีแก้ปัญหาข้างต้น คือ “การแตกพาร์” จาก 10 ลดลงเหลือ 1 บาท ทุกอย่างจะเป็นสัดส่วนกัน 10 เท่าทันทีดังต่อไปนี้
บริษัท โตโร่ (หลังแตกพาร์)
ราคาพาร์ 10 / 10 = 1 บาท ต่อหุ้น
จำนวนหุ้น 100,000,000 * 10 = 1,000,000,000 ล้านหุ้น
ทุนจดทะเบียน 1 x 100,000,000 = 100,000,000 บาท
ราคาหุ้นบนกระดานหุ้นซื้อขายกันอยู่ 500 / 10 = 50 บาทต่อหุ้น
เราจะพบว่าการแตกพาร์มันคือกลของวิศวกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนตัวเลขเฉยๆ ทุนจดทะเบียนของบริษัทจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่หากสังเกตุ จำนวนหุ้นจะเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นลดลง ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขายหุ้นได้ไม่ยาก
หลังแตกพาร์ ราคาหุ้นใหม่จะเป็น 500 / 10 = 50 บาท ต่อหุ้น เงินลงทุนขั้นต่ำของนักลงทุนในการซื้อหุ้น คือ 100 * 50 = 5,000 บาท เท่านั้น!
จากการแตกพาร์ครั้งนี้ใครจะได้อะไรบ้าง
-
ผู้บริหารสามารถเพิ่มสภาพคล่องหุ้นได้เพราะจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น
-
นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อหายหุ้นได้ง่ายขึ้น
-
ผลทางจิตวิทยาจะเป็นบวกทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นช่วงสั้น
-
นักลงทุนจะรู้สึกว่าหุ้นราคาไม่แพง
ข้อเสียมีไหม?
ข้อเสียคือ ปริมาณหุ้นจะมีมากขึ้นในตลาด จำนวนนักลงทุน จะเพิ่มขึ้น เพราะ ซื้อง่ายขายคล่องขึ้น ทำให้บริษัทต้องดีลกับจำนวนนักลงทุนที่มีจำนวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วการแตกพาร์จะส่งผลดีสำหรับหุ้นมากกว่าผลเสีย เพราะมีแต่ได้กับได้ เรียกว่าวิน วิน ทั้งนักลงทุนและบริษัท
ใครมีคำถามเพิ่มเติมสามารถส่งคำถามเข้ามาได้ที่
https://www.facebook.com/torostock