บริษัทพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค สินค้าภายใต้การจัดจำหน่ายและเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ลูกอม ผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและของใช้ในครัวเรือน โดยจำหน่ายผ่านช่องการขายที่ครอบคลุมร้านค้ากว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหุ้นของบริษัทได้ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2551
ในความก้าวหน้าของการดำเนินงานนั้นนอกจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในปี2552 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ประกอบด้วย ?สินค้าวุ้นเส้นตราเกษตร ?ถั่วและงาบรรจุถุง น้ำส้มสายชูกลั่นของบริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน) ?ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดอบกรอบ-โคโคริ ของบริษัท เอส พี อาร์ ฟู้ด อินดัสทรี จำกัด และยาสีฟัน – ดาร์ลี่ ของบริษัท สยามกรีน คอนซูเมอร์ โพรดักส์ จำกัด? และจากผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องของบริษัท? ส่งผลให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี ?ที่ประชุมกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 จึงมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวด 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท (เจ็ดสตางค์) รวมเป็นเงิน 45.50 ล้านบาท โดยได้จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 25 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา
และในปี 2552 ?บริษัทได้รับรางวัล Asia?s 200 Best Under a Billion จากนิตยสาร ฟอร์บส์ เอเชีย ( Forbes Asia ) ให้เป็น 1 ใน 200 บริษัทที่มีผลประกอบการดีที่สุดในเอเชีย ? แปซิฟิก และเป็น 1 ใน 5 บริษัทจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ ?สำหรับกติกานั้นจะทำการคัดเลือกจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ? แปซิฟิกที่มีรายได้ไม่เกิน 1,000? ล้านเหรียญสหรัฐฯทั้งหมดกว่า 25,000 บริษัท โดยพิจารณาจากยอดขาย? กำไร การเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง
บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค ซึ่งแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ลูกอม ผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและของใช้ในครัวเรือน โดยสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายเป็นการจำหน่ายในประเทศทั้งหมด ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆทั้งช่องทางการจำหน่ายแบบร้านค้าสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) ช่องทางจำหน่ายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และรถขายเงินสด (Cash Van) ซึ่งมีเครือข่ายร้านค้ากว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ
บริษัทมีเงินลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง คือ บริษัท พี.เอม.ฟูด จำกัด (PMF) บริษัท พรีเมียร์ แคนนิ่งอินดัสตรี้ จำกัด (PCI) และบริษัท พรีเมียร์ โฟร่เซ่น โพรดักส์ จำกัด (PFP) ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วในแต่ละบริษัท บริษัทย่อยทั้ง 3 แห่ง ประกอบธุรกิจดังนี้
1.? บริษัท พี.เอม.ฟูด จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทปลาเส้นและปลาแผ่นหรือที่รู้จักกันในชื่อ ?ปลาสวรรค์ทาโร่? โดยผลิตภัณฑ์ของ PMF มีการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยมีบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายภายในประเทศแต่เพียงผู้เดียว
2.? บริษัท พรีเมียร์ แคนนิ่ง อินดัสตรี้ จำกัด ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าสำเร็จรูปบรรจุถุง (Pouch) และผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่เป็นอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) บรรจุถุงและบรรจุกระป๋อง ภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าทั้งหมดจะส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรปและตะวันออกกลาง ?นอกจากนี้ PCI ยังประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ภายใต้เครื่องหมายการค้า ?คิงส์ คิทเช่น? ซึ่งผลิตภัณฑ์ซอสจะจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก โดยมีบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าประเภทซอสให้แก่ PCI
3.? บริษัท พรีเมียร์ โฟรเซ่น โพรดักส์ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง โดยผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า นอกจากนี้บริษัทยังให้เช่าพื้นที่ในการผลิตและบรรจุสินค้า รวมทั้งการให้บริการรับจ้างแช่เยือกแข็งผลิตภัณฑ์ต่างๆ และรับฝากแช่ผลิตภัณฑ์ในห้องเย็น
โครงสร้างรายได้ของบริษัทและบริษัทย่อย
ประเภทของรายได้ | ดำเนิน
การโดย |
%การถือหุ้นของบริษัท | 2552 | 2551 | 2550 | |||
ล้านบาท | % | ล้านบาท | % | ล้านบาท | % | |||
|
บริษัท | 2,007 | 71.02 | 1,888 | 56.48 | 1,611 | 57.76 | |
|
PCI | 100.00 | 694 | 24.56 | 1,113 | 33.29 | 1,002 | 35.93 |
|
PMF | 100.00 | 11 | 0.39 | 12 | 0.36 | 12 | 0.43 |
|
PFP | 100.00 | 9 | 0.32 | 10 | 0.30 | 11 | 0.39 |
|
105 |
3.71 |
320 |
9.57 |
153 |
5.49 | ||
รายได้รวม | 2,826 | 100.00 | 3,343 | 100.00 | 2,789 | 100.00 |
1/ รายได้จากการจำหน่ายปลาเส้นและปลาแผ่นเป็นส่วนที่ PMF จำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอก
2 thoughts on “PM บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)”
สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นทุกปี หนี้ลด เป็นสัญญาณที่ดี ส่วนของผู้ถือหุ้นจากติดลบ เพิ่มขึ้นเป็นพันล้านได้ในสามปี
กำไรขั้นต้น 25% ถือว่าใช้ได้ทีเดียว
กำไรสุทธิต่อรายได้รวม 10% เจ๋งนะเนี่ย
ROE 30%+
ROA 28%+
ปีที่แล้วจ่ายปันผลได้
รายได้และกำไรโตต่อเนื่อง จากการแข่งขันสูง ได้รางวัลจาก Forbs ด้วย ติด 1 ใน 200 จาก 25,000 บริษัทเอเชีย แปซิฟิก
คู่แข่งในประเทศก็มีรายใหญ่ๆ เช่นๆ ดีทแฮล์ม เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ การเข้ามาของรายใหม่ไม่ง่าย เพราะต้องมีฐานข้อมูลลูกค้า ช่องทางจัดจำหน่ายด้วย พวกของขบเคี้ยวแข่งกันแรง เช่น ฟริโตเลย์
การขายของก็ต้องดูแลสินค้าคงคลังให้ดี ให้พอขาย อันนั้นต้องดูวันที่เก็บสินค้าหรือวันหมุนสินค้าในงบดุล
ความเสี่ยง
ลูกค้าอาจจะไม่ต่อสัญญา ปกติจะมีสัญญา 3-5 ปี บ.แก้โดยหาคู่สัญญาหลายๆ ราย
ของกินอาจหมดอายุ ต้องดูดีๆ
ความผันผวนของวัตถุดิบ บ.ย่อย ต้องพึ่งพาวัตถุดิบ เช่น ปลาทูน่า กุ้ง ปลาหมึก และเนื้อปลาบดแช่แข็ง
อัตราแลกเปลี่ยน บ. ส่งออก 32% ในปี 51 และ 24% ในปี 52 ส่วนใหญ่เป็นเงินดอล อาจจะมีการทำการป้องกันความเสี่ยง
พึ่งลูกค้าใหญ่ พวกปลาทูน่า, pet food ของ บ.ย่อย ส่งออกญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ก็ได้รับความร่วมมือที่ดีแม้จะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ
เงินสดต่อหุ้น = 0.29 @2.42-0.29 = 2.13 บาท ต่อหุ้น PE ยิ่งต่ำลงไปอีก
ถ้าให้คิด PE โดยเอาเงินสดออกจะได้ PE = 2.13/0.48 = 4.43 เท่า
กำไรจากการขายของ เงินสดมีคุณภาพ ลงทุนน้อย แบบนี้แหละที่ต้องการ
สภาพคล่อง 1.7+
D/E = 0.55
ความสามารถชำระดอกเบี้ย 45 เท่า
การหมุนลูกหนี้ 6 รอบ
ระยะเวลาเก็บหนี้ 52 วัน
การหมุนสินค้า 12 รอบ
ระยะเวลาขายสินค้า 1 เดือน
ไม่ซื้อก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว