บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (?บริษัท?) ได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2538 โดย (1) กลุ่มผู้บริหาร (2) บริษัท เทคโนโลยี แอพพลิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด (?TATL?) (3) Itochu Corporation และ (4) Multichip Assembly Inc. เพื่อประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Manufacturing Services หรือ EMS) โดยในระยะแรก บริษัทมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 45 ล้านบาท ?ต่อมาในปี 2541 บริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุน โดยกลุ่มคุณสมนึก ไชยกุล ได้เข้าซื้อหุ้นที่กลุ่ม TATL ถืออยู่ทั้งหมด และในปีเดียวกันนั้น SIIX Singapore Pte. Ltd. ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยถือหุ้นประมาณร้อยละ 7? นอกจากนี้ ในปี 2547 บริษัทได้ดำเนินการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกรรมการและพนักงานของบริษัท และในวันที่ 23 กันยายน 2553 บริษัทได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย (1) กลุ่มคุณสมนึก ไชยกุล (2) กลุ่มกรรมการและผู้บริหาร และ (3) พันธมิตรธุรกิจ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 42.45, 10.95? และ 10.25 ตามลำดับ
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเทคโนโลยีการผลิตทันสมัยที่สุดในโลก บริษัทให้บริการรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แก่กลุ่มลูกค้าซึ่งประกอบด้วยบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก โดยบริษัทสามารถให้บริการแบบครบวงจร รวมถึงการร่วมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Joint Innovation) ระหว่างลูกค้าและทีมวิศวกรชั้นนำของบริษัท ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตในส่วนของ Microelectronic Module Assembly (?MMA?) ประมาณ 100 ล้านชิ้นต่อปี และในส่วนของ Integrated Circuit (?IC?) Packaging ประมาณ 1,200 ล้านชิ้นต่อปี โดยสามารถผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย ในปัจจุบัน บริษัทมีโรงงาน 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยโรงงานแห่งแรกตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดประมาณ 3,500 ตารางเมตร และโรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2548 และได้เปิดดำเนินการผลิตเมื่อปี 2549 ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 13 ไร่ โดยมีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดประมาณ 22,000 ตารางเมตร
บริษัทประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Manufacturing Services หรือ EMS) ให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Original Equipment Manufacturer หรือ OEM) ผู้รับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Subcontractor) และผู้รับจ้างออกแบบผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Fabless Company) โดยนอกจากบริษัทจะรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังมีการร่วมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์กับลูกค้า (Joint Innovation) ทำให้สามารถให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรเพื่อสนองต่อความต้องการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของตลาด สำหรับในช่วงปี 2546 ?- ?2547 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ การผลิตและประกอบชิ้นส่วนหน้าจอ LCD สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ (LCD Module Assembly) ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนหนึ่งภายใต้ Microelectronics Module Assembly สำหรับในปัจจุบันถึงแม้ผลิตภัณฑ์หลักจะยังคงเป็นการผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Microelectronics Module Assembly) แต่จะมีความหลากหลายของชนิดและรุ่นผลิตภัณฑ์มากขึ้น
บริษัทสามารถให้บริการผลิตและประกอบชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Microelectronics Module Assembly) ให้ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่าง ๆ โดยเทคโนโลยีที่บริษัทใช้ในการผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีความหลากหลาย เช่น เทคโนโลยี SMT COB COF FCOF และ FCOG นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการประกอบและทดสอบแผงวงจรไฟฟ้ารวม (Integrated Circuit Packaging หรือ IC Packaging) โดยสามารถให้บริการทั้งการประกอบและทดสอบแผงวงจรไฟฟ้ารวมแบบพื้นฐาน (Standard Packaging) และประกอบและทดสอบแผงวงจรไฟฟ้ารวมแบบขั้นสูง (Advanced Packaging) ซึ่งรวมถึงการประกอบและทดสอบแผงวงจรไฟฟ้ารวมแบบระบบไฟฟ้าเครื่องกลจุลภาค (Micro-Electro-Mechanic Systems หรือ MEMS) นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถนำกระบวนการประกอบชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Microelectronics Module Assembly) และการประกอบและทดสอบแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC Packaging) มาผสมผสานกันในเทคโนโลยีการผลิตแบบ System in Package (SiP) ซึ่งทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตได้มีขนาดที่เล็กลงมาก
บริษัทมีกลยุทธ์ในการสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันโดยเน้นการผลิตและประกอบผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้เครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีในการผลิตและประกอบที่ทันสมัย มีความแม่นยำสูงซึ่งมีความคลาดเคลื่อนเพียงประมาณ 3 – 5 ไมครอน จึงสามารถกำหนดจุดวางชิ้นส่วนได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างความแตกต่างในด้านคุณภาพการผลิตจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ? และเนื่องจากบริษัทได้มีการลงทุนในเครื่องจักรพื้นฐานที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี มาเป็นเวลากว่า 6 ปี จึงทำให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีขั้นสูงดังกล่าว ประกอบกับทีมวิศวกรชั้นนำของบริษัทที่สามารถร่วมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์กับลูกค้า (Joint Innovation) จึงทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทที่รับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก ที่มีความสามารถในการผสมผสานและประยุกต์เทคโนโลยีการผลิตชั้นสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ขั้นปลายที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น บริษัทได้เป็นผู้ผลิตหน้าจอระบบสัมผัสโดยใช้เทคโนโลยี Capacitive Touch Screen รายแรกของโลก ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่ง โดยเทคโนโลยีดังกล่าวมีความคุณสมบัติพิเศษสามารถสามารถจับจุดการสัมผัสได้หลายจุดพร้อมกัน (Multi Touch) สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสจากผู้ใช้ได้ไวกว่า และมีความทนทานมากกว่า เทคโนโลยี Resistive Touch Screen แบบเดิม โดยต่อมาเทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้กับโทรศัพท์มือถือ Smart Phone ที่ใช้ระบบปฎิบัติการยุคใหม่ นอกจากนี้ จากการที่บริษัทมีเครื่องจักรที่ทันสมัยและเทคโนโลยีการผลิตที่ครบวงจรจึงได้รับเลือกจากบริษัท บริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ในการผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องโปรเจ็คเตอร์เลเซอร์พกพา (Portable Laser Projector) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ในลักษณะเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกของโลก
นอกจากการทำตลาดเองแล้ว บริษัทย่อย พันธมิตรและตัวแทนการตลาดจะทำการตลาดให้กับบริษัททั้งในส่วนของตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยมีบริษัทย่อย คือ Stars Microelectronics USA, Inc. เป็นตัวแทนจำหน่ายและทำการตลาดจัดหาลูกค้าในประเทศสหรัฐอเมริกา ในส่วนของพันธมิตรและตัวแทนการตลาดของบริษัทมี 3 ราย ได้แก่ SIIX Corporation และ Itochu Corporation ในประเทศญี่ปุ่น และ Smart Electronics ในประเทศเยอรมัน ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ พันธมิตรและตัวแทนการตลาดยังสนับสนุนบริษัทในด้านการจัดหาวัตถุดิบและการจัดหาเครื่องจักรอีกด้วย
บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัท Smart Electronics และทำการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท Stars Microelectronics Europe GMBH ในอนาคตเพื่อใช้ชื่อของบริษัทในการทำตลาดในทวีปยุโรป และมีการถือหุ้นเพื่อให้สามารถมีส่วนในการกำหนดนโยบายธุรกิจที่สอดคล้องกับบริษัทได้ โดยตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2548 บริษัทได้ให้เงินกู้ยืมต่อ บริษัท Smart Electronics เป็นจำนวน 50,000 ยูโร ตามสัญญาเข้าร่วมลงทุน โดยเงินกู้ยืมดังกล่าวจะถูกแปลงสภาพเป็นทุนเรือนหุ้นต่อเมื่อบริษัทมีการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท Stars Microelectronics Europe GMBH เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ